Popular Posts

Wednesday, April 24, 2013

ลงทุนทำธุรกิจตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือ


ลงทุนทำธุรกิจตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือ
 
 
กระแสธุรกิจบริการเครื่องหยอดเหรียญอัตโนมัติ กำลังเป็นที่นิยมของมนุษย์เงินเดือน ที่ต้องการมีรายได้เสริมโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปคอยดูแลร้าน ไม่ว่าจะเป็นตู้น้ำดื่ม หรือเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซึ่งเครื่องหยอดเหรียญเหล่านี้ ล้วนมีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุดโดยเฉพาะย่านชุมชนไม่เว้นแม้แต่วงการสื่อสารในสังคมปัจจุบัน ที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในกลุ่มของนิสิตนักศึกษา หรือนักเรียน ส่วนใหญ่จะใช้มือถือแบบเติมเงิน แต่หากจะให้ซื้อบัตรเติมเงินในหลักร้อยบาท คงจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างคิดหนักอยู่เหมือนกัน จากจำนวนเงินในกระเป๋า

ตู้เติมเงินหยอดเหรียญใช้งานง่าย
 
ซึ่งตรงนี้เองทำให้บริษัท ธนทัต โซลูชั่น จำกัด คิดผลิตตู้เติมเงินมือถือขึ้น โดยหาจุดด้อยจากตู้เติมเงินมือถือทั่วไป นำมาเสริมเป็นจุดแข็งให้กับธุรกิจ จนกลายเป็นผู้ประกอบการหนึ่งเดียวของไทยที่ได้นำเอาระบบ GPRS มาใช้กับตู้เติมเงินมือถือ ที่เจ้าของสามารถเช็คข้อมูลการเติมเงินของลูกค้าได้ตลอดเวลาผ่านอินเทอร์เน็ตตู้เติมเงินมือถือภายใต้แบรนด์ Feel Top เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการหัวใสที่สามารถอุดช่องว่างทางการตลาดธุรกิจตู้เติมเงินมือถือได้สำเร็จ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในกรณีที่เครื่องมีปัญหา ลูกค้าไม่สามารถเติมเงินได้ หรือเงินไม่เข้า ด้วยศูนย์ Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่เจ้าของธุรกิจไม่จำเป็นต้องออกมาดูแลลูกค้าเอง เพราะมีทีมงานจากแฟรนไชส์ซอว์เตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือ
 
นายกิตติ์ธนา ประเสริฐสุนทร ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ธนทัต โซลูชั่น จำกัด เล่าว่า แต่เดิมตนเองอยู่ในแวดวงของการสื่อสาร โดยเป็นผู้ให้เช่า Video Conferences ตามโรงแรมหรือหน่วยงานต่างๆ จนเห็นโอกาสทางธุรกิจของตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือแบบหยอดเหรียญที่มีอยู่ทั่วไปว่ายังมีปัญหาบางเรื่องที่สร้างความไม่สะดวกให้กับผู้ใช้งานและเจ้าของธุรกิจ รวมถึงขณะนี้อัตราการเติบโตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นธุรกิจการขายบัตรเติมเงินจึงเติบโตตามกระแสนี้ไปด้วย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าที่ผ่านมาบัตรเติมเงินมูลค่า 50 บาท หาซื้อได้ยากเต็มที จะมีก็แต่บัตรราคาหลัก 100 บาทขึ้นไป ทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อย หรือไม่ต้องการที่จะเติมเงินในจำนวนมากต้องประสบปัญหาดังกล่าว จากจุดนี้เองทำให้มีตู้เติมเงินขึ้นเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งกับลูกค้า เพราะมีเงินเพียง 10-20 บาทก็สามารถมีเงินในโทรศัพท์เพื่อโทรอออกได้แล้ว
ใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อยก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้
“การที่ผมอยู่ในแวดวงสื่อสารอยู่แล้ว ทำให้การคิดนำระบบ GPRS เข้ามาใช้กับธุรกิจตู้เติมเงินมือถือจึงเป็นเรื่องที่ยากไม่มากนัก โดยใช้เวลาทดลองระบบประมาณ 8 เดือน จนสามารถอุดโหว่ต่างๆ ได้สำเร็จ เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานและเจ้าของธุรกิจ จากศูนย์ Call Center 24 ชั่วโมง”
สำหรับจุดเด่นของตู้เติมเงินมือถือ Feel Top ได้มีการนำเอาระบบออนไลน์มาใช้ โดยยึดถือสโลแกนง่ายว่า “เติมเงินง่าย ดูได้ผ่านเน็ต” ซึ่งคำว่าเติมเงินง่าย แปลว่า ลูกค้าที่มาเติมเงินปุ๊บ ก็ต้องใช้งานได้ปั๊บ ส่วนคำว่า ดูได้ผ่านเน็ตนั้น หมายถึง คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ย่อมต้องการรู้ว่ามีเงินอยู่ในตู้กี่บาท มีลูกค้ามาใช้บริการกี่คน และเป็นเบอร์อะไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าของตู้ต้องเดินทางไปดูด้วยตัวเอง ในขณะที่ Feel Top เจ้าของธุรกิจเพียงเปิดอินเทอร์เน็ต เช็คดูข้อมูลเหล่านี้ได้ตลอดเวลา โดยทางบริษัทฯ ได้ทำการส่งข้อมูลเหล่านี้จากทุกตู้ผ่านสัณญาณ GPRS แล้วนำข้อมูลมารวมกันไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อพร้อมออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทันที
ทำเลทองย่านโรงงานอุตสาหกรรม
ส่วนรูปแบบการลงทุนทาง Feel Top ได้แบ่งการลงทุนออกเป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้ 1.รุ่น Mr. Feel-Top แบบยืน (เหรียญ+ธนบัตร) ราคา 59,000 บาท 2.รุ่น Mr. Feel-Top แบบนั่ง (เหรียญ+ธนบัตร) ราคา 54,900 บาท 3.รุ่น Mr. Feel-Top แบบยืน (เหรียญ) ราคา 43,900 บาท 4.รุ่น Mr. Feel-Top แบบนั่ง (เหรียญ) ราคา 39,900 บาท และรุ่น NT-073 Classic รับได้เฉพาะเหรียญอย่างเดียว รุ่นนี้จะบางกว่ารุ่นอื่น เหมาะสำหรับร้านขายของชำที่มีเหรียญให้แลก ราคาเพียง 29,900 บาท โดยเน้นทำเลย่านสถานศึกษา โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชน
นายกิตติ์ธนา กล่าวทิ้งท้ายเกี่ยวกับเทรนด์ตู้เติมเงินมือถือว่า ยังมีการเติบโตในทิศทางที่ดี โดยเป็นแบบก้าวกระโดด เพราะขณะนี้บริษัทเจ้าของระบบในไทย อย่าง ดีแทค เอไอเอส และทรู กำลังลดต้นทุนในการผลิตบัตรเติมเงิน ดังนั้นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้บริการบัตรเติมเงิน ต้องปรับพฤติกรรมมาเป็นการเติมเงินแบบออนไลน์แทน ทำให้โอกาสธุรกิจนี้ยังเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน เพราะหากใครที่คิดจะลทุนก่อน ก็จะสามารถเลือกทำเลทองให้กับตนเองได้ก่อนเช่นกัน

No comments:

Post a Comment